ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 17 เมษายน 2025
การลงทุน มีหลายตัวเลือก ซึ่งตัวเลือกเทรดที่น่าสนใจ ก็คือ สินค้าโภคภัณฑ์ คือ สินทรัพย์ที่นักลงทุนเริ่มนิยมลงทุนในปัจจุบัน เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ แต่ก่อนที่จะเริ่มลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่คุณสนใจ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมตัวเลือกนี้น่าสนใจในการลงทุน เพื่อสามารถตัดสินใจได้อย่างมีความมั่นใจมากขึ้น
สินค้าโภคภัณฑ์ คือ สินค้าที่มีลักษณะเหมือนกันจากหลายแหล่งผลิต มีทั้งหมด 5 กลุ่มด้วยกัน
การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ มีหลายแบบ เช่น ลงทุน Futures, กองทุน ETF, และหุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์
นักลงทุนต้องทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น อุปสงค์-อุปทาน และ เศรษฐกิจโลก
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
สินค้าโภคภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์ หรือ วัตถุดิบ ที่เป็นส่วนประกอบของการผลิตหรือบริโภค สามารถซื้อขายได้ มีการใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก มีความแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะมาจากผู้ผลิตคนละราย เช่น น้ำมัน, ทองคำ, ข้าว, ยาง, หรือแร่ธาตุต่างๆ ราคาจะถูกกำหนดโดย Supply และ Demand จากทั่วโลก
สินค้าโภคภัณฑ์ ภาษาอังกฤษ คือ Commodities การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีการกำหนดราคาตามอุปสงค์และอุปทาน มักจะมีการซื้อขายในปริมาณมาก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม หลักๆ ได้แก่
Hard Commodity เป็นทรัพยากรรมทางธรรมชาติ ใช้แล้วหมด ไม่สามารถผลิตเองได้
Soft Commodity เป็นวัตถุดิบทางการเกษตร หรือ สิ่งที่มนุษย์สามารถผลิตเองได้
สินค้าโภคภัณฑ์ มีลักษณะเฉพาะที่มีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไป ทำให้มีความพิเศษในการซื้อขายตลาดทั่วโลก สินค้าเหล่านี้ไม่ขึ้นกับแหล่งผลิตหรือผู้ผลิต และมีคุณสมบัติถูกกำหนดไว้ตามมาตรฐานเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะผลิตจากที่ใด ก็ไม่ได้กระทบต่อ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่จะเป็นปัจจัยอื่นๆ แทน เรามาดูลักษณะที่เป็นจุดเด่นของสินค้าโภคภัณฑ์กัน
สินค้าโภคภัณฑ์ทุกชิ้น มีคุณสมบัติพื้นฐานเหมือนกัน เพื่อให้สามารถซื้อขายได้ในตลาด เช่น น้ำมันดิบ, ข้าว หรือ ทองคำ ที่จะต้องมีมาตรฐานเหมือนกัน ไม่ว่าจะมาจากแหล่งผลิตใด หรือจากผู้ผลิตใด การกำหนดมาตรฐานนี้ทำให้การซื้อขายสินค้ามีความสะดวก เป็นที่ยอมรับระดับสากล
เนื่องจาก สินค้าโภคภัณฑ์ มีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถแยกแยะสินค้าจากผู้ผลิตต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ข้าวจากหลายประเทศ หรือทองคำจากแหล่งต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติที่เหมือนกันตามมาตรฐานที่ตลาดกำหนด เช่น ข้าวที่ผลิตในประเทศไทย หรือ อินเดีย จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานคล้ายกัน เช่น ขนาดเมล็ด, ความชื้น หรือ ความบริสุทธิ์ สามารถซื้อได้ในราคามาตรฐานเดียวกัน
เมื่อเราพูดถึง ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร ตอนนี้เราก็น่าจะเข้าใจกันมาบ้างแล้ว ตลาดที่มีการซื้อขายสินค้าพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก มีลักษณะที่ทำให้เราซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว มีการตั้งราคาที่มาตรฐาน เรามาดู สินค้าโภคภัณฑ์ 5กลุ่ม มีอะไรบ้าง ตามข้อมูลข้างล่างนี้เลย
สินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงาน (Energy Commodities) เช่น ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas), น้ำมันดิบ (Crude Oil) และ ถ่านหิน (Coal)
สินค้าโภคภัณฑ์การเกษตร (Agricultural Commodities) เช่น ข้าว (Rice), น้ำตาล (Sugar), ข้าวโพด (Corn) และ ถั่วเหลือง (Soybeans)
โลหะมีค่า (Precious Metals) เช่น เงิน (Silver) และ ทองคำ (Gold)
โลหะอุตสาหกรรม (Industrial Metals) เช่น ทองแดง (Copper) และ อลูมิเนียม (Aluminum)
สินค้าโภคภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ (Livestock Commodities) เช่น เนื้อสัตว์ (Cattle, Hogs) และ นม (Milk)
การลงทุน Commodities มีด้วยกันหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความถนัดและความต้องการลงทุนของแต่ละคนเลย ซึ่งประกอบไปด้วย รูปแบบการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า กองทุนรวม ETF และ การลงทุนกับบริษัทกลุ่มสินค้า ที่คุณสามารถเลือกกระจายความเสี่ยง เพื่อการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้เลย
การลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ Futures คือ การตกลงซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ในราคาที่คุณกำหนดไว้ล่วงหน้า หากคุณต้องการลงทุนระยะยาว การเลือกรูปแบบนี้ก็เป็นการทำทำกำไรจาก แนวโน้มราคาขั้น และ ราคาลง สามารถลงทุนได้ทุกสภาวะตลาด
นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนประเภทนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาผันผวน
ตลาดฟิวเจอร์มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย รวดเร็ว
สามารถคาดเดาราคาระยะยาวได้แม่นยำ
ความเสี่ยงสูง และ มีการใช้มาร์จิ้น
เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์มากกว่า
ETF หรือ ชื่อเต็มภาษาอังกฤษ คือ Exchange Traded Fund คือ กองทุนดัชนีที่คุณสามารถลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ สินค้าการเกษตร ทองแดง ก๊าซ หรือ น้ำมัน ก็สามารถเลือกกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้ มีการดำเนินคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็ว
กองทุน ETF สามารถกระจายความเสี่ยงจากสินค้าหลายชนิดได้
นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดเจาะลึก
มีค่าธรรมเนียมต่ำ
ผลตอบแทนอาจจะต่ำกว่า
การลงทุนแบบนี้อาจไม่ได้สะท้อนให้เห็นราคาสินค้าทั้งหมด
การลงทุนบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ หุ้นโภคภัณฑ์ มีด้วยกันหลากหลาย เช่น บริษัทน้ำมัน เหมืองแร่ อลูมิเนียม ก๊าซธรรมชาติ และอื่นๆ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบกระจายความเสี่ยงการลงทุน ทั้งนี้แล้วก็จำเป็นต้องอาศัยความเข้าพื้นฐานของแต่ละบริษัท เพราะล้วนส่งผลแนวโน้มราคา ไปถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนสามารถทำกำไรได้จากการเติบโตบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์
ปันผลจากหุ้น
มีความยืดหยุ่นในการลงทุน
ราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับบริษัท
ขาดการควบคุมราคาสินค้า
นักลงทุนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ สินค้าโภคภัณฑ์ จำเป็นต้องรู้สิ่งนี้! เพราะแน่นอนว่า การลงทุนคือความเสี่ยง เพราะฉะนั้นแล้วนักลงทุนจึงจำเป็นต้อง กระจายความเสี่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรระยะยาว เราก็มีคำแนะนำที่สามารถใช้ให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาให้คุณได้อ่านก่อน
ก่อนที่คุณจะเข้าร่วมลงทุน จำเป็นต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังลงทุนกันก่อน หากพูดถึง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ก็เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือ สินค้าเกษตร ล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความต้องการในตลาด เศรษฐกิจโลก หรือ สถานการณ์ทางการเมือง
คุณสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การซื้อขายผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures), การลงทุนกองทุนรวม ETF หรือจะเป็น การซื้อหุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละประเภท การเลือกเครื่องมือประเมิณราคาตลาด ก็ช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสทำกำไรได้สูง
การลงทุนมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะตลาดที่มีความผันผวน เพราะฉะนั้นแล้ว จึงจำเป็นต้องวางแผนการลงทุน เพื่อกำหนดความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ ด้วยการใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยง Hedging หรือ การตั้งค่า Stop Loss เพื่อป้องกันการสูญเสียครั้งใหญ่
ข่าวสารเศรษฐกิจ และ สถานการณ์เศรษกิจโลก มีผลต่อแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงอุปสงค์และอุปทาน ที่นักลงทุนจำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ ด้วยข้อมูลประกอบข้อเท็จจริง
นักลงทุนสามารถลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ได้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ หากต้องการเก็งกำไรจากราคาที่มีความผันผวนในระยะสั้น ก็ควรเลือก การลงทุนสัญญาฟิวเจอร์ ที่เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากมองการลงทุนระยะยาว ตัวเลือก กองทุน ETF หรือ หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์หลากหลายประเภท จะช่วยลดความเสี่ยงได้ เพราะเป็นการกระจายการลงทุนไปยังสินค้าอื่นๆ เช่น น้ำมัน ทองแดง โลหะ และอื่นๆ ซึ่งรูปแบบนี้คุณจะมีโอกาสทำกำไรจากหลายตลาดได้ ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนราคาสินค้าใดสินค้าหนึ่ง
ค่าธรรมเนียม และ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนที่คุณเลือก เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย หรือจะเป็น ค่าสปีด (Spread) ที่อาจส่งผลกำไรในการลงทุนของคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เพื่อการเลือกลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล ไม่มากเกินไปจากงบลงทุนของคุณ
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) คือ สินค้าที่มีมาตรฐานเหมือนกัน ซื้อขายได้ทั่วตลาดโลก มีทั้งหมด 5 กลุ่ม เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มพลังงาน, สินค้าโภคภัณฑ์ การเกษตร, โลหะ และ สินค้าโภคภัณฑ์ ที่มาจากสัตว์ สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ เช่น ฟิวเจอร์, กองทุน ETF และ หุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนี่จะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี การลงทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจตลาด และยอมรับสภาวะความผันผวนได้
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
สินค้าโภคภัณฑ์ จะมีคุณสมบัติเดียวกันหมด ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน ยี่ห้ออะไร แต่สินค้าทั่วไปอาจจะมีความแตกต่างผู้ผลิต
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับ อุปสงค์อุปทาน, สภาพเศรษฐกิจ, เหตุการณ์ทางการเมือง และสภาพอากาศ
สกุลเงินที่ใช้ซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ ก็คือ สกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐ (USD)
โภคภัณฑ์ควบคุม คือ การที่หน่วยงานทางรัฐมีการกำหนดราคา หรือ การผลิต เช่น การควบคุมน้ำมันบางประเภท หรือ การเกษตรในบางประเทศ
หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ คือ หุ้นบริษัทที่เกี่ยวกับการผลิตและการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น หุ้นบริษัทน้ำมัน (ExxonMobil), เหมืองแร่ (BHP), และ บริษัทเกษตร (Cargill)
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง