ฟอเร็กซ์
ทฤษฏีกล่องเงินล้าน Darvas Box: วิธีระบุหุ้นที่กำลังจะทะลุแนว
เขียนโดย XS Editorial Team
อัปเดตแล้ว 12 ธันวาคม 2024
สารบัญ
ทฤษฏีกล่องเงินล้าน Darvas Box เป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูงโดยมุ่งเน้นการระบุหุ้นที่กำลังจะทะลุกรอบราคาด้วยการกำหนด "กล่อง" รอบกรอบราคา
บทความนี้อธิบายกลยุทธ์ทฤษฏีกล่องเงินล้าน Darvas Box พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
สาระสำคัญ
-
ทฤษฏีกล่องเงินล้านจะระบุหุ้นที่กำลังจะทะลุกรอบด้วยการติดตามราคาภายใน "กล่อง" ที่กำหนดไว้
-
จุดเข้าและออกอ้างอิงจากการทะลุกรอบที่ได้รับการยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงซึ่งช่วยลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์
-
กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับหุ้นที่มีแนวโน้ม (Trending Stocks) แต่ไม่เหมาะกับตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
-
การตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop-Loss) ใต้กล่องช่วยบริหารความเสี่ยงและปกป้องกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
เปิดบัญชีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทฤษฎี Darvas Box คืออะไร?
ทฤษฎี Darvas Box เป็นกลยุทธ์การเทรดที่มุ่งเน้นการระบุหุ้นที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาต่อเนื่องภายในกรอบราคาที่กำหนดไว้ หรือที่เรียกว่า "กล่อง"
เมื่อหุ้นมีการซื้อขายในกรอบราคาที่กำหนดไว้ชัดเจน จะเกิด "กล่อง" รอบจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคาในช่วงเวลานั้น
กรอบราคานี้มีความสำคัญสำหรับนักเทรดเพราะ:
-
หากราคาหุ้นทะลุกแนวด้านบนของกล่องจะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น
-
หากราคาหุ้นทะลุกรแนวด้านล่างของกล่องจะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง
ดาร์วาส (Darvas) พัฒนากลยุทธ์นี้โดยผสมผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ากับการให้ความสำคัญเฉพาะด้านราคาและปริมาณการซื้อขายแทนที่จะใช้ตัวชี้วัดที่ซับซ้อน
ส่งผลให้เกิดวิธีการเฉพาะตัวที่ช่วยระบุหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดกำเนิดของทฤษฎี Darvas Box
ทฤษฎี Darvas Box เกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่างความอยากรู้อยากเห็น การสังเกต และการลองผิดลองถูก
ใครเป็นผู้คิดค้นทฤษฎี Darvas Box?
ทฤษฎี Darvas Box ถูกคิดค้นโดย Nicolas Darvas นักเต้นชาวฮังการีที่ไม่มีความรู้ด้านการเทรดอย่างเป็นทางการ
ในช่วงปี 1950 Darvas เริ่มสนใจตลาดหุ้นหลังจากได้เห็นว่ามันสามารถสร้างผลกำไรได้มากเพียงใด
เขาเริ่มลงทุนด้วยความรู้พื้นฐานเพียงเล็กน้อยแต่จากประสบการณ์ที่ได้รับทั้งกำไรและขาดทุนเขาได้พัฒนาระบบการเทรดของตนเองขึ้นมา
ทฤษฎีนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสังเกตและการทดลองเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการเทรดหุ้น
วิธีการของ Darvas พัฒนาสู่กลยุทธ์การเทรด
ในช่วงแรก Nicolas Darvas เริ่มต้นการเทรดเหมือนกับนักลงทุนมือใหม่หลายคน: อ่านข่าวสารการเงิน ติดตามความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ และพยายามคาดการณ์การเคลื่อนไหวของหุ้นโดยอ้างอิงจากรายงานการวิเคราะห์
อย่างไรก็ตามเขาได้ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าการติดตามข่าวสารและความคิดเห็นจากภายนอกไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ
เขาต้องการระบบที่มีความเป็นกลางและมีกฎเกณฑ์ชัดเจนเพื่อช่วยให้เขาตัดสินใจโดยลดอิทธิพลทางอารมณ์จากความวุ่นวายในตลาด
สิ่งนี้ทำให้เขาหันมาให้ความสำคัญเฉพาะข้อมูลราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ตรงไปตรงมาและแสดงถึงความสนใจของตลาดได้อย่างชัดเจน
จากการลองผิดลองถูกและการสังเกต Darvas พบว่าหุ้นบางตัวมีการซื้อขายในช่วงราคาที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเขาเริ่มมองเห็นเป็น "กล่อง"
กล่องเหล่านี้แสดงถึงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ชัดเจนของราคาหุ้นในช่วงเวลาที่กำหนด
วิธีการทำงานของทฤษฎีการเทรด Darvas Box
วิธีการเทรด Darvas Box มีพื้นฐานอยู่ที่ "กล่อง" ซึ่งกำหนดช่วงราคาที่ชัดเจนซึ่งหุ้นทำการซื้อขายอยู่ภายในช่วงนั้น
หลักการสำคัญของทฤษฎี Darvas Box
นี่คือการวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานของ Darvas Box และองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้มันเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ
การกำหนด Darvas Box
ขั้นตอนแรกในทฤษฎีกล่องเงินล้าน Darvas Box คือการระบุช่วงการซื้อขายหรือ “กล่อง” รอบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
ในการกำหนดกล่องนี้:
-
ขอบเขตบน (Ceiling): ด้านบนของกล่องถูกกำหนดไว้ที่ราคาสูงสุดที่หุ้นแตะถึงในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งเรียกว่าระดับแนวต้านของกล่อง
-
ขอบเขตล่าง (Floor): ด้านล่างของกล่องคือราคาต่ำสุดที่หุ้นแตะถึงในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นระดับแนวรับของกล่อง
เมื่อหุ้นซื้อขายอยู่ระหว่างสองระดับนี้อย่างสม่ำเสมอ นักเทรดจะสันนิษฐานว่าหุ้นนั้น “ถูกขัง” อยู่ในช่วงราคานี้
อย่างไรก็ตามเมื่อหุ้นทะลุกรอบด้านบนหรือล่างของช่วงนี้ อาจเป็นสัญญาณสำหรับการเข้าหรือออกจากการเทรด
การติดตามราคาและปริมาณการซื้อขาย
สำหรับ Nicolas Darvas ราคาหุ้นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของสมการอีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือปริมาณการซื้อขาย ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อหรือแรงขายในตลาด
การใช้ปริมาณการซื้อขายใน Darvas Box
-
ปริมาณเพิ่มขึ้นในช่วงทะลุแนว: หากราคาหุ้นทะลุกรอบด้านบนของกล่องพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงความต้องการซื้อที่แข็งแกร่งและบ่งชี้ว่าราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นต่อไป
-
ปริมาณการซื้อขายต่ำ: หากปริมาณการซื้อขายต่ำในช่วงทะลุแนวอาจเป็นสัญญาณของแนวทะลุหลอก (False Breakout) หมายความว่าราคาหุ้นอาจไม่ปรับตัวขึ้นตามที่คาด
การใช้ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันการเคลื่อนไหวของราคาใน Darvas Box ช่วยเพิ่มโอกาสในการจับการทะลุกแนวที่แท้จริงแทนที่จะตกหลงเชื่อสัญญาณที่ผิดพลาด
การระบุหุ้นที่กำลังจะทะลุกแนวด้วยกล่อง
หลังจากกำหนดกล่องและติดตามปริมาณการซื้อขายแล้วคุณต้องผสานข้อมูลทั้งสองเพื่อระบุจุดทะลุแนว
ในทฤฎี Darvas Box เป้าหมายหลักคือการระบุหุ้นที่กำลังจะทะลุกรอบและมีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมีนัยสำคัญ
การทะลุแนวเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นปิด:
-
เหนือขอบบนของกล่องที่กำหนดบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น
-
หรือต่ำกว่าขอบล่างซึ่งอาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง
การทะลุกแนวเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสัญญาณสำหรับนักเทรดเดอร์ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาระบุหุ้นที่อาจเข้าสู่ช่วงการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในเร็ว ๆ นี้
ทำไมทฤษฎี Darvas Box ถึงได้ผลในตลาดที่มีแนวโน้ม
ทฤษฎี Darvas Box เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการติดตามแนวโน้ม (Trend-Following) ซึ่งเหมาะสมที่สุดกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือลง
โดยการใช้กล่องเพื่อระบุแนวโน้มเหล่านี้ นักเทรดเดอร์สามารถปรับการซื้อขายให้สอดคล้องกับโมเมนตัมของหุ้นแทนที่จะพยายามคาดการณ์การกลับตัวของราคาหรือความผันผวนในระยะสั้น
การเน้นไปที่แนวโน้มที่ยาวนานกว่านี้ช่วยให้ Darvas Box ลดความเสี่ยงจาก "เสียงรบกวน" ในตลาด และมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวที่มีโมเมนตัมสูง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการเทรดด้วยทฤษฎี Darvas Box
หลังจากระบุ กล่อง (Box) และยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายแล้วถึงเวลาใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดที่มั่นคง
กลยุทธ์การเทรดด้วยทฤษฎี Darvas Box นำเสนอกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและช่วยลดการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นเข้าสู่โลกการเทรด
กลยุทธ์การเทรดด้วยทฤษฎี Darvas Box สำหรับมือใหม่
นี่คือขั้นตอนแบบทีละขั้นสำหรับมือใหม่ที่ต้องการใช้กลยุทธ์การเทรด Darvas Box:
การตั้งค่าและยืนยัน Darvas Box
การตั้งค่า Darvas Box ครั้งแรกนั้นง่ายแต่ต้องอาศัยการสังเกตอย่างละเอียด:
-
เลือกหุ้น: เลือกหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาที่สม่ำเสมอในช่วงที่กำหนดโดยมีจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ชัดเจน
-
วาดกล่อง: ระบุราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดล่าสุดของหุ้นจากนั้นกำหนดขอบเขตกล่องรอบช่วงราคาของหุ้น
-
ติดตามปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายเป็นปัจจัยสำคัญในการยืนยันความแข็งแกร่งของการทะลุแนวเมื่อราคาหุ้นเคลื่อนตัวไปยังขอบบนของกล่องให้สังเกตการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายที่เด่นชัดเนื่องจากอาจบ่งบอกถึงการทะลุกแนวที่แท้จริง
เลือกสัญญาณเข้าซื้อและขายออก
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเทรด Darvas Box คือความเรียบง่ายในการกำหนดจุดเข้าซื้อและขายออก ช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถตัดสินใจได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องวิเคราะห์ซับซ้อนเกินไป
สัญญาณเข้าซื้อ (Entry Signal): สัญญาณเข้าซื้อเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นทะลุขอบบนของกล่องพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
สิ่งนี้บ่งชี้ถึงการทะลุกรอบขึ้น (Upward Breakout) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหุ้นอาจกำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโตใหม่ เมื่อสังเกตเห็นสัญญาณนี้คุณสามารถพิจารณาเปิดตำแหน่งซื้อ
สัญญาณขายออก (Exit Signal): สัญญาณขายออกเกิดขึ้นหากราคาหุ้นหลุดขอบล่างของกล่องหรือไม่สามารถรักษาโมเมนตัมได้หลังจากการทะลุกแนว
สิ่งนี้อาจบ่งชี้ว่าทิศทางแนวโน้มของหุ้นเปลี่ยนแปลงหรือสูญเสียความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจถึงเวลาขายหรือปิดตำแหน่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง
การตั้งค่าจุดหยุดการขาดทุน (Stop-Loss)
การตั้งค่า Stop-Loss เป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายแบบ Darvas Box เพื่อจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น
Stop-Loss คือระดับราคาที่กำหนดล่วงหน้า ซึ่งคุณจะออกจากการเทรดโดยอัตโนมัติหากราคาหุ้นตกลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว
-
วาง Stop-Loss ไว้ใต้กล่องเล็กน้อย:เมื่อคุณเปิดการเทรดให้ตั้งค่า Stop-Loss ไว้ใต้ขอบล่างของกล่องเล็กน้อยหากราคาหุ้นตกลงอย่างไม่คาดคิดคุณจะออกจากการเทรดโดยมีการสูญเสียที่จำกัด
-
Trailing Stop-Loss:การเลื่อนกล่องขึ้นตามการเคลื่อนไหวของหุ้นจะสร้างรูปแบบการเลื่อนจุดหยุดการขาดทุน (trailing stop) วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถจับโอกาสในแนวโน้มขาขึ้นได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
การตั้ง Stop-Loss ช่วยปกป้องการลงทุนของคุณและหลีกเลี่ยงการถือหุ้นที่กำลังขาดทุน
การปรับแบบไดนามิกช่วยให้คุณ "ล็อกกำไร" จากแนวโน้มที่กำลังชนะและมีจุดออกที่ชัดเจนในกรณีที่แนวโน้มเปลี่ยนทิศทาง
ตัวอย่างการใช้ทฤษฎีการเทรด Darvas Box ในทางปฏิบัติ
สมมติว่าหุ้นตัวหนึ่งมีการซื้อขายอยู่ระหว่าง $100 ถึง $120 เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์
สิ่งนี้สร้างกล่อง โดยมี $100 เป็นระดับแนวรับ (ขอบล่างของกล่อง) และ $120 เป็นระดับแนวต้าน (ขอบบนของกล่อง)
-
ขั้นตอนที่ 1: คุณติดตามหุ้นเพื่อดูว่าจะเกิดการทะลุกรอบเหนือระดับ $120 หรือไม่
-
ขั้นตอนที่ 2: วันหนึ่งราคาหุ้นทะลุกรอบเหนือ $120 พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสูงซึ่งเป็นสัญญาณของการทะลุกรอบที่แข็งแกร่งทำให้คุณเข้าตำแหน่งซื้อ
-
ขั้นตอนที่ 3: เมื่อราคาหุ้นยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องคุณปรับตำแหน่งกล่องขึ้น โดยสร้างกล่องใหม่รอบช่วงราคาปัจจุบันเพื่อจับกำไรเพิ่มเติมและป้องกันความเสี่ยงจากการกลับตัวของราคา
-
ขั้นตอนที่ 4: คุณตั้งค่า Stop-Loss ไว้ใต้ขอบล่างของกล่องปัจจุบันเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะออกจากการเทรดได้ทันทีหากราคาหุ้นตกลงต่ำกว่าระดับนี้
เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ในการใช้กลยุทธ์ Darvas Box
กลยุทธ์การเทรดด้วย Darvas Box สามารถช่วยมือใหม่ได้อย่างมากแต่จำเป็นต้องมีการฝึกฝนและความมีวินัย
นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
-
เริ่มต้นด้วยหุ้นที่มีแนวโน้มชัดเจน: เลือกหุ้นที่มีช่วงราคาที่ชัดเจนและแนวโน้มที่สม่ำเสมอ เพราะหุ้นเหล่านี้จะสร้างกล่องที่น่าเชื่อถือและช่วยให้การระบุแนวทะลุได้ง่ายขึ้น
-
ใช้เครื่องมือกราฟคุณภาพสูง: เลือกซอฟต์แวร์กราฟที่มีตัวบ่งชี้ Darvas Box และการติดตามปริมาณ (Volume Tracking) เพื่อช่วยในการตั้งค่ากล่องที่แม่นยำและระบุแนวทะลุได้อย่างมั่นใจ
-
ให้ความสำคัญกับการยืนยันจากปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการยืนยันแนวทะลุมองหาการเพิ่มขึ้นของปริมาณที่มีนัยสำคัญเมื่อหุ้นทะลุออกจากกล่องสิ่งนี่แสดงถึงความต้องการที่แข็งแกร่งขึ้น
ข้อผิดพลาดที่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยง
สำหรับมือใหม่การระมัดระวังข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้กลยุทธ์การเทรดแบบ Darvas Box เป็นสิ่งสำคัญ นี่คือข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้:
-
พยายามสร้างกล่องให้กับหุ้นทุกตัว: ไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่จะเหมาะสมกับ Darvas Box เลือกหุ้นที่มีช่วงราคาที่ชัดเจนและหลีกเลี่ยงการใช้วิธีนี้กับหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่แน่นอน
-
เพิกเฉยต่อปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันแนวทะลุหากหุ้น ทะลุแนวออกจากกล่องแต่มีปริมาณการซื้อขายต่ำอาจเป็นสัญญาณหลอกซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุน
-
การเทรดมากเกินไป: กลยุทธ์ Darvas Box ต้องการความอดทนควรหลีกเลี่ยงการเปิดหลายๆ ออเดอร์พร้อมกันเพราะอาจทำให้ติดตามจุดที่ทะลุแนวและจุดออกได้ยาก
กฎทั่วไปของการเทรดด้วยทฤษฎี Darvas Box
นี่คือกฎที่ควรจดจำเมื่อนำกลยุทธ์ Darvas Box ไปใช้ในการเทรด:
1. เข้าเทรดเฉพาะเมื่อหุ้นทะลุแนวออกจากกล่อง
2. วางจุดหยุดขาดทุน (Stop-Loss) ไว้ต่ำกว่าขอบล่างของกล่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลง
3. หลีกเลี่ยงการเทรดหุ้นที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจนภายในกล่อง
4. มองหาการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายอย่างมีนัยสำคัญในช่วงการทะลุแนว
5. ปรับกล่องตามแนวโน้มขาขึ้นของหุ้น
6. ออกจากการเทรดหากราคากลับเข้าสู่กล่องหลังจากทะลุแนว
การประยุกต์ใช้ Darvas Box ในการเทรดฟอเร็กซ์
แม้ว่ากลยุทธ์ Darvas Box จะถูกออกแบบมาเพื่อการเทรดหุ้นในตอนแรกแต่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในตลาดฟอเร็กซ์ได้เช่นกัน
ในฟอเร็กซ์กล่องสามารถสร้างขึ้นรอบคู่สกุลเงินที่มีช่วงการซื้อขายที่คงที่และสม่ำเสมอ
เมื่อคู่สกุลเงินทะลุแนวออกจากช่วงการซื้อขายนี้นักเทรดเดอร์ก็สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกับการเทรดหุ้นได้
ประโยชน์ของ Darvas Box ในการเทรด
-
กฎที่ชัดเจน: กลยุทธ์นี้มีจุดเข้าและออกที่ชัดเจนช่วยลดการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์ในระหว่างการเทรด
-
เน้นแนวโน้มของตลาด: เหมาะสำหรับการจับการเคลื่อนไหวขาขึ้นที่แข็งแกร่งในหุ้นที่มีแนวโน้มชัดเจน
-
การจัดการความเสี่ยง: การวางจุดหยุดขาดทุน (Stop-Loss) ไว้ต่ำกว่าขอบล่างของกล่องช่วยจำกัดการขาดทุนและปกป้องกำไร
ข้อจำกัดของทฤษฎี Darvas Box
-
ประสิทธิภาพต่ำในตลาดไซด์เวย์: กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพน้อยลงในตลาดที่หุ้นไม่มีแนวโน้มชัดเจน
-
ความเสี่ยงจากแนวทะลุหลอก: แนวทะลุที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำอาจนำไปสู่สัญญาณที่ไม่น่าเชื่อถือ
-
ข้อกำหนดหุ้นเฉพาะ: กลยุทธ์นี้ทำงานได้ดีที่สุดกับหุ้นที่มีโมเมนตัมสูงอาจไม่เหมาะกับหุ้นที่เคลื่อนไหวช้าหรือไม่มีความสม่ำเสมอ
บทสรุป
กลยุทธ์การเทรดด้วยทฤษฎี Darvas Box เป็นวิธีที่มีโครงสร้างเพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถระบุและดำเนินการกับการทะลุแนวของหุ้นได้อย่างมั่นใจ
ด้วยการมุ่งเน้นที่ช่วงราคาและปริมาณการซื้อขายกลยุทธ์นี้ช่วยลดการคาดเดาและให้กฎที่ชัดเจนสำหรับการเข้าและออกจากตลาดทำให้เหมาะสำหรับนักเทรดเดอร์ทุกระดับ
สารบัญ
คำถามที่พบบ่อย
Darvas Box เป็นเทคนิคการเทรดที่ใช้ช่วงราคาที่กำหนดไว้ (เรียกว่ากล่อง) เพื่อระบุหุ้นที่มีแนวโน้มจะเกิด Breakout
ทฤษฎี Darvas Box ถูกคิดค้นโดย Nicolas Darvas นักเทรดเดอร์และนักเต้นที่เรียนรู้การเทรดด้วยตัวเอง
Ghost Box คือช่วงราคาที่ถูกสร้างขึ้นแบบสมมติเพื่อคาดการณ์แนวโน้มล่วงหน้าในอนาคตซึ่งจะช่วยให้นักเทรดเดอร์สามารถวางแผนโซนที่อาจเกิดแนวทะลุแม้จะยังไม่มีช่วงราคาที่ได้รับการยืนยัน
กลยุทธ์ Box ใช้ “กล่อง” ราคาเพื่อกำหนดช่วงการซื้อขายของหุ้นและระบุจุดทะลุแนวที่ส่งสัญญาณการซื้อหรือขาย
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง