ฟอเร็กซ์
การเทรดตาม Supply และ Demand: คู่มือสำหรับเทรดเดอร์
เขียนโดย XS Editorial Team
อัปเดตแล้ว 24 ตุลาคม 2024
สารบัญ
การเทรดตาม Supply และ Demand เป็นกลยุทธ์ที่อาศัยการระบุระดับราคาที่มีผู้ซื้อและผู้ขายที่เป็นปัจจัยหลักเป็นหลัก ซึ่งนำไปสู่การกลับตัวของตลาดที่อาจเกิดขึ้น
คู่มือนี้จะอธิบายถึงองค์ประกอบสำคัญของการเทรดตาม Supply และ Demand รวมไปถึงแนวคิดและกลยุทธ์ที่สำคั
สาระสำคัญ
-
Supply และ Demand เป็นพื้นที่เฉพาะบนกราฟราคาซึ่งมีแรงกดดันในแรงซื้อหรือแรงขายส่งผลให้เกิดการกลับตัวของราคา
-
ใช้โซน Supply และ Demand ในการตั้งจุดเข้าและออกที่แม่นยำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การเทรดและความสามารถในการทำกำไร
-
การทำงานร่วมกันของ Supply และ Demand เป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานในการวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มของตลาด
ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
เปิดบัญชีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายการเข้าใจการซื้อขายตาม Supply และ Demand
โดยหลักแล้วกลยุทธ์การซื้อขายตาม Supply และ Demand อาศัยหลักการทางเศรษฐศาสตร์พื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเป็นตัวกำหนดราคาของสินทรัพย์ใด ๆ แต่ในบริบทของการซื้อขาย Supply และ Demand หมายถึงอะไร?
Supply หมายถึงปริมาณของสินทรัพย์ที่มีพร้อมสำหรับขายในระดับราคาต่าง ๆ
ในทางการซื้อขายโซน Supply คือพื้นที่ที่ความสนใจในการขายมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเอาชนะแรงซื้อ ซึ่งส่งผลทำให้ราคาลดลง
ในทางตรงกันข้าม Demand หมายถึงปริมาณสินทรัพย์ที่ผู้ซื้อยินดีจะซื้อในระดับราคาต่าง ๆ
โซน Demand คือพื้นที่ที่ความสนใจในการซื้อมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเอาชนะแรงขาย ซึ่งส่งผลทำให้ราคาสูงขึ้น
จุดดุลยภาพเกิดขึ้นเมื่อปริมาณ Supply เท่ากับปริมาณ Demand ในระดับราคาหนึ่ง ๆ ความสมดุลระหว่าง Supply และ Demand นี้ทำให้ราคาคงที่ซึ่งเป็นจุดที่ตลาดปรับสมดุล
ในบริบทของการซื้อขายจุดดุลยภาพเป็นสภาวะแบบไดนามิก ราคาตลาดมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาเนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายทำการซื้อขายตามความคาดหวังของพวกเขาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
เมื่อราคาอยู่ในภาวะสมดุลจะไม่มีแรงผลักดันที่แข็งแกร่งให้ราคาสูงขึ้นหรือต่ำลง
กฎของการซื้อขายตาม Supply และ Demand
กฎของ Supply และ Demand เป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการซื้อขายเมื่อมีอุปสงค์ต่อสินทรัพย์สูงและอุปทานต่ำราคาจะเพิ่มขึ้น
ในทางตรงกันข้ามเมื่อมีอุปทานสูงและอุปสงค์ต่ำราคาจะลดลง
เทรดเดอร์จะใช้หลักการเหล่านี้เพื่อค้นหาโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้โดยการมองหาความไม่สมดุลในตลาด
เช่น หากเทรดเดอร์ระบุโซน Supply ที่มีผู้ขายจำนวนมากคาดว่าจะเข้าตลาดพวกเขาอาจคาดว่าราคาจะลดลงและพิจารณาการขายชอร์ตสินทรัพย์นั้น
บทบาทของ Supply และ Demand ในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด
อุปสงค์และอุปทานมีบทบาทสำคัญในกาคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด
โดยการวิเคราะห์โซน Supply และ Demand เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาจะกลับตัวหรืออาจติดตามแนวโน้มต่อไป ซึ่งช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูลและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
อุปสงค์และอุปทานส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร
หลักการของการซื้อขายตามอุปสงค์ (Supply) และอุปทาน (Demand) ไม่เพียงแต่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์แต่ละรายแต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในวงกว้าง
ตัวอย่างเช่น อุปสงค์และอุปทานเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าและบริการเมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้นและอุปทานคงที่ ราคาจะสูงขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากอุปทานเพิ่มขึ้นและอุปสงค์ไม่เปลี่ยนแปลงราคาจะลดลง
นอกจากนี้หลักการของอุปสงค์และอุปทานยังช่วยอธิบายภาวะเงินเฟ้อและภาวะเงินฝืดอีกด้วยภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์เกินอุปทานทำให้ราคาสูงขึ้น
นอกจากนี้อุปสงค์และอุปทานยังส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอุปสงค์ที่สูงกระตุ้นให้ธุรกิจลงทุนในการผลิต จ้างพนักงานมากขึ้น และขยายกิจการซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โซนการซื้อขายตาม Supply และ Demand คืออะไร?
โซนการซื้อขายตามอุปสงค์ (Supply) และอุปทาน (Demand) หมายถึงพื้นที่บนกราฟราคาที่ตลาดเคยแสดงปฏิกิริยาอย่างรุนแรงเนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
โซน Supply
โซน Supply คือพื้นที่ราคาที่แรงขายมีมากกว่าแรงซื้อทำให้ราคาลดลง
โซนเหล่านี้มักก่อตัวขึ้นหลังจากการปรับตัวขึ้นของราคา เมื่อฝั่งขายเริ่มเข้ามาทำกำไรหรือเมื่อมองว่าสินทรัพย์นั้นมีมูลค่าสูงเกินไป
ในการซื้อขายตาม supply และ demand โซนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นระดับแนวต้านที่เทรดเดอร์คาดว่าจะเกิดการกลับตัวของราคาหรือหยุดชะงัก
โซน Demand
โซน Demand คือพื้นที่ราคาที่แรงซื้อมากกว่าแรงขายทำให้ราคาสูงขึ้น
โซนเหล่านี้มักก่อตัวขึ้นหลังจากการปรับตัวลงของราคาเมื่อฝั่งผู้ซื้อมองว่าสินทรัพย์นั้นมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรและจะเริ่มซื้อ
โซน Demand ทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับในการซื้อขายตาม supply และ demand ที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาจะดีดตัวขึ้นหรือคงที่
การสะสมตัวและการกระจายตัว
ช่วงการสะสมตัวเกิดขึ้นเมื่อเงินอัจฉริยะหรือผู้ลงทุนสถาบันซื้อสินทรัพย์จำนวนมากในราคาที่ต่ำจะสร้างโซนอุปสงค์
เมื่อสิ้นสุดช่วงการสะสมตัวความเชื่อมั่นของตลาดจะเปลี่ยนแปลงและเข้าสู่ช่วงการกระจายตัว
ช่วงนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนรายใหญ่เริ่มขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงขึ้นสร้างโซน Supply ซึ่งเพิ่มแรงขายและมักเป็นสัญญาณการปรับตัวลงของราคา
ช่วงเหล่านี้เป็นจุดเปลี่ยนจากช่วงสะสมตัวไปสู่ช่วงกระจายตัว เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดเปลี่ยนจากขาขึ้น (Bullish) ไปเป็นขาลง (Bearish)
ช่วงการสะสมซ้ำและช่วงกระจายตัวซ้ำ
ช่วงการสะสมซ้ำเกิดขึ้นในช่วงขาลงเมื่อมีการหยุดชั่วคราวของตลาด
ช่วงการพักชะลอตัวนี้นำไปสู่การต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง เนื่องจากแรงขายกลับมาดำเนินต่อและก่อให้เกิดโซน Supply ใหม่
ในช่วงขาขึ้นช่วงการสะสมซ้ำเกิดขึ้นเมื่อมีการพักชะลอตัวของตลาดก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อไป
ช่วงการหยุดพักนี้จะสร้างโซน Demand ใหม่เนื่องจากแรงซื้อเริ่มสะสมตัวเพื่อขับเคลื่อนการขึ้นต่อของแนวโน้ม
การระบุโซนการซื้อขายตาม Supply และ Demand
เทรดเดอร์จำเป็นต้องระบุโซน Supply และ Demand บนกราฟของตนเพื่อทำการซื้อขายระดับ Supply และ Demand ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมองหาพื้นที่ที่ราคากลับทิศทางไปก่อนหน้านี้ด้วยโมเมนตั้มที่สำคัญตัวบ่งชี้สำคัญ ได้แก่:
-
การเคลื่อนไหวของราคา (Price Action): การเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนออกจากโซนแสดงถึง supply หรือ demand ที่แข็งแกร่ง
-
ปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูง (Volume Spikes): ปริมาณการซื้อขายที่สูงในระดับราคาที่เฉพาะเจาะจงอาจบ่งชี้ถึง supply หรือ demand ที่สำคัญ
-
การกลับตัวก่อนหน้า (Previous Reversals): พื้นที่ที่ราคามีการเปลี่ยนทิศทางหลายครั้งก่อนหน้านี้เป็นตัวบ่งชี้ที่แข็งแกร่งของโซน supply และ demand
รูปแบบต่าง ๆ ของการก่อตัวของ Supply และ Demand
รูปแบบการซื้อขายตาม Supply และ Demand ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถที่จะระบุการเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจเกิดขึ้นและตัดสินใจซื้อขายอย่างมีข้อมูล
ลองเจาะลึกถึงรูปแบบ Supply และ Demand ที่พบได้บ่อยที่สุดที่เทรดเดอร์ต่างมองหา
ฐานแนวโน้มต่อเนื่อง (Trend Continuous Base)
การพุ่งขึ้น-หยุดตัว-พุ่งขึ้น (RBR)
การพุ่งขึ้น-หยุดตัว-พุ่งขึ้น (RBR) เป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น ลองมาดูกันว่ารูปแบบนี้ทำงานอย่างไร:
-
การพุ่งขึ้น: ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งจะสร้างแนวโน้มขาขึ้น
-
การหยุดตัว: ราคาคงตัวในช่วงแคบ ๆ สร้างฐาน ซึ่งแสดงถึงการหยุดชั่วคราวในแนวโน้มขาขึ้นขณะที่ตลาดสะสมแรงสำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป
-
การพุ่งขึ้น: ราคาทะลุออกจากฐานและปรับตัวสูงขึ้นต่อไป
ในการซื้อขายตาม Supply และ Demand เทรดเดอร์จะมองหาฐานเป็นจุดเข้าที่เป็นไปได้
เมื่อราคากลับมาที่ฐานหลังจากการปรับตัวขึ้นครั้งแรก มันมักจะพบแนวรับและปรับตัวสูงขึ้นต่อ รูปแบบนี้มีประโยชน์ในการระบุโอกาสในการซื้อในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
การร่วง-การหยุดตัว-การร่วง (DBD)
การร่วง-การหยุดตัว-การร่วง (DBD) เป็นรูปแบบที่แสดงถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มขาลงโดยมีรายละเอียดดังนี้:
-
การร่วง: ราคาปรับตัวลงอย่างรุนแรงจะสร้างแนวโน้มขาลง
-
การหยุดตัว: ราคาคงตัวในช่วงแคบ ๆ สร้างฐาน ซึ่งบ่งบอกถึงการหยุดชั่วคราวในแนวโน้มขาลงเนื่องจากตลาดดูดซับแรงขาย
-
การร่วง: ราคาทะลุฐานและปรับตัวลงต่อ
เมื่อราคากลับมาที่ฐานหลังจากการปรับตัวลงครั้งแรกมักจะพบแนวต้านและปรับตัวลงต่อ
ฐานการกลับตัวของเทรนด์ (Trend Reversal Base)
การพุ่งขึ้น-การหยุดตัว-การ่วง (RBD)
การพุ่งขึ้น-การหยุดตัว-การ่วง (RBD) บ่งชี้ถึงการกลับตัวจากแนวโน้มจากขาขึ้นไปสู่ขาลง ลำดับการเคลื่อนไหวเป็นดังนี้:
-
การพุ่งขึ้น: ราคาปรับตัวขึ้นจะสร้างแนวโน้มขาขึ้น
-
การหยุดตัว: ราคาคงตัวในช่วงแคบ ๆ สร้างฐาน ซึ่งบ่งบอกถึงจุดเปลี่ยนที่ตลาดกำลังตัดสินใจในการเปลี่ยนทิศทางต่อไป
-
การ่วง: ราคาทะลุฐานลงด้านล่างแสดงถึงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงใหม่
รูปแบบนี้ใช้ในการระบุการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในตลาด Supply และ Demand เมื่อราคากลับมาที่ฐานหลังจากการปรับตัวลงครั้งแรกมักจะพบแนวต้านและเริ่มปรับตัวลงอีกครั้ง
การร่วง-การหยุดตัว-การพุ่งขึ้น (DBR)
การร่วง-การหยุดตัว-การพุ่งขึ้น (DBR) บ่งชี้ถึงการกลับแนวโน้มจากขาลงไปสู่ขาขึ้น ลำดับการเคลื่อนไหวเป็นดังนี้:
-
การร่วง: ราคาปรับตัวลงอย่างรุนแรงจะสร้างแนวโน้มขาลง
-
การหยุดตัว: ราคาคงตัวในช่วงแคบ ๆ สร้างฐาน ซึ่งบ่งบอกถึงจุดเปลี่ยนที่ตลาดกำลังตัดสินใจในการเปลี่ยนทิศทางต่อไป
-
การพุ่งขึ้น: ราคาทะลุฐานขึ้นด้านบน สดงถึงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นใหม่
รูปแบบนี้มีคุณค่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการจับการกลับตัวของแนวโน้ม เมื่อราคากลับมาที่ฐานหลังจากการปรับตัวขึ้นครั้งแรกมักจะพบแนวรับและปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การซื้อขายตาม Supply และ Demand
การสร้างกลยุทธ์การซื้อขายตาม Supply และ Demand ที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญไม่กี่ขั้นตอน:
-
ระบุโซน:
-
โซน Supply: มองหาพื้นที่ที่ราคากลับตัวลงอย่างรวดเร็ว
-
โซน Demand: มองหาพื้นที่ที่ราคากลับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
-
-
ตั้งจุดเข้าและออก:
-
คำสั่งซื้อ: วางไว้ที่โซน Supply
-
คำสั่งขาย: วางไว้ที่โซน Demand
-
กำหนดเป้าหมายทำกำไร: ตั้งไว้ก่อนถึงโซน Supply หรือ Demand ถัดไปเล็กน้อย
-
-
ใช้คำสั่งหยุดขาดทุน:
-
สำหรับการซื้อ: วางต่ำกว่าโซน Supply เล็กน้อย
-
สำหรับการขาย: วางสูงกว่าโซน Demand เล็กน้อย
-
-
ติดตามและปรับเปลี่ยน:
-
ปรับโซนตามการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นใหม่
-
ประเมินการซื้อขายอีกครั้งและปรับระดับหยุดขาดทุนและกำไรตามความจำเป็น
-
ตัวอย่างเช่น บนกราฟคู่สกุลเงิน EUR/USD ซื้อที่ 1.1210 โดยตั้งหยุดขาดทุนที่ 1.1180 และทำกำไรที่ 1.1280 ติดตามและปรับเปลี่ยนเป็นระยะตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
Supply และ Demand ในตลาดฟอเร็กซ์
การซื้อขายตามอุปสงค์ (Supply) และ อุปทาน (Demand) มีประสิทธิภาพอย่างมากใน ตลาดฟอเร็กซ์ ราคาฟอเร็กซ์ได้รับอิทธิพลจากแรงซื้อและแรงขายที่ไหลเวียนอย่างต่อเนื่องจากเทรดเดอร์ทั่วโลก
การระบุโซน Supply และ Demand ในตลาดฟอเร็กซ์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาและตัดสินใจอย่างรอบรู้
-
โซน Demand: มองหาระดับราคาที่ผู้ซื้อเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่องทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
-
โซน Supply:ระบุระดับที่ผู้ขายเข้ามาขายอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาปรับตัวลดลง
-
กลยุทธ์การซื้อขาย:ใช้โซนเหล่านี้ในการตั้งจุดเข้าและออกจัดการความเสี่ยงด้วยคำสั่งหยุดขาดทุน และเพิ่มผลกำไรด้วยการกำหนดเป้าหมายที่โซน Supply หรือ Demand ถัดไป
บทสรุป
การซื้อขายตาม Supply และ Demand มอบวิธีการที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดเทรดเดอร์สามารถเสริมการตัดสินใจและเพิ่มผลกำไรได้โดยการระบุโซนสำคัญของ Supply และ Demand โดยการตั้งจุดเข้าและออกด้วยกลยุทธ์ และจัดการความเสี่ยงด้วยคำสั่งหยุดขาดทุน เข้าร่วม XS วันนี้และเริ่มซื้อขายได้เลย!
สารบัญ
คำถามที่พบบ่อย
โซนSupplyและDemand เป็นพื้นที่เฉพาะที่ราคากลับตัวเนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ซึ่งโซนเหล่านี้มีความกว้างกว่าและสะท้อนถึงกิจกรรมของสถาบัน
ในขณะที่โซนแนวรับและแนวต้านเป็นระดับราคาที่เฉพาะเจาะจงที่ราคากระเด้งออกหลายครั้งแสดงถึงระดับจิตวิทยาที่เทรดเดอร์ตอบสนอง
ความสัมพันธ์ระหว่าง Demand และ Supply กำหนดราคาของสินทรัพย์ เมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้นและอุปทานคงที่ราคาจะเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันเมื่ออุปทานเพิ่มขึ้นและอุปสงค์คงที่ราคาจะลดลงปฏิสัมพันธ์นี้สร้างการเปลี่ยนแปลงของตลาดและการเคลื่อนไหวของราคา
หลักการพื้นฐานของ Demand และ Supply คือราคาของสินทรัพย์ถูกกำหนดโดยระดับ Demand และ Supply ในตลาด
Demand ที่สูงกับ Supply ที่ต่ำทำให้ราคาขยับขึ้นในขณะที่อุปทานที่สูงกับอุปสงค์ที่ต่ำทำให้ราคาลดลง หลักการนี้เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจตลาดและเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์การซื้อขาย
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง